เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๓๐ น. ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
พร้อมด้วย นายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน สักการะพระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ก่อนจะเดินทางเข้าสู่
หอประชุมพุทธมณฑล เพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมี นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทน
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้การต้อนรับโดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำนโยบายเร่งด่วน ดังนี้
๑. การพัฒนาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก และมุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคณะสงฆ์ โดยการพัฒนาและปรับรูปแบบให้พระพุทธศาสนาเข้ากับวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยปัจจุบัน
รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคณะสงฆ์
๒. พัฒนาวัดให้เป็นศูนย์กลางของชุมชนและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ผลักดันวัดเพื่อการท่องเที่ยว ช่วยส่งเสริมความสำคัญของพระพุทธศาสนา และยังเป็นการช่วยกระจายรายได้
ให้ชุมชนใกล้เคียง สร้างรายได้ให้ประชาชน เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ
๓. พัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ในการจัดงานสำคัญทางพระพุทธศาสนา พร้อมสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ได้รับรู้ถึงความสำคัญของ “พุทธมณฑล”
๔. การขับเคลื่อนโครงการพระสงฆ์อาพาธ (พระคิลานุปัฏฐาก) พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น กระทรวงสาธารณสุข สสส.
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) โรงพยาบาลสงฆ์ ตลอดจนเชื่อมต่อข้อมูลพระสงฆ์อาพาธโดยใช้เทคโนโลยี เพื่อให้เข้าถึงการใช้บริการภาครัฐได้สะดวก และครอบคลุม
๕. การดูแลคณะสงฆ์และสามเณร จัดทำแอปพลิเคชั่นและระบบฐานข้อมูลพระภิกษุ ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (Big Data) โดยร่วมกับ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
เชื่อมต่อฐานข้อมูลบัตรประชาชนพระสงฆ์ รวมถึงให้การส่งเสริม พัฒนา การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญศึกษาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
๖. การบริหารจัดการงบประมาณ ต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ องค์กรและคณะสงฆ์ เช่น นิตยภัต ค่าตอบแทน จศป. การศึกษาสงฆ์ รวมถึงงานวันสำคัญต่างๆ
๗. การบริหารจัดการข่าวเสีย ต้องมีความว่องไว รวดเร็ว ในการแก้ข่าวที่เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงเร่งประชาสัมพันธ์ เบอร์สายด่วนความมั่นคง รับเรื่องราวร้องทุกข์
และแจ้งภัยทางพระพุทธศาสนา ที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับ กอ.รมน. โทร. ๑๓๗๔
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินวัด การจัดการศาสนสมบัติกลางและวัดร้าง เร่งรัดออกโฉนดที่ดินวัดให้ถูกต้อง แก้ไขปัญหาวัดร้าง “ทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง”
ใช้ประโยชน์ “ศาสนสมบัติกลาง” อันเป็นสมบัติของพระศาสนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงเร่งจัดการข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่ดินวัดให้เสร็จโดยเร็ว
ดร.พวงเพ็ชร กล่าวปิดท้ายว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการส่งเสริมให้บุคลากรของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับการพัฒนาตนเองตามตำแหน่งและบทบาทที่เหมาะสม รวมถึงได้รับสวัสดิการที่พึงได้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยขอให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจที่ได้มาทำหน้าที่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนานี้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ หนึ่งในเสาหลักของประเทศคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์